ตำนานพระประธานคู่บ้านคู่เมือง ประจำ 4 ภาคของไทย

เปิดตำนานเรื่องราวของพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ในประเทศไทย พระประธานคู่บ้านคู่ขวัญเมือง

ตำนานพระประธานคู่บ้านคู่เมือง

พระพุทธศาสนาในประเทศไทยถูกเผยแผ่เป็นวงกว้างทั่วทุกภาค เราชาวไทยพุทธมีองค์พระพุทธรูปประจำแต่ละภาค ทั้ง ๔ ภาค เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองที่ประชาชนต่างเคารพศรัทธากันมาช้านาน มาค้นพบเรื่องราวที่น่าสนใจของพระประธานคู่บ้านคู่เมืองประจำ ๔ ภาคของไทย ว่าทำไมพระพุทธรูปแต่ละองค์ จึงเป็นเสมือนมิ่งขวัญของคนทั้งเมือง และได้กลายเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำภาคนั้นๆ

พระพุทธชินราช พระพุทธรูปประจำภาคเหนือ

พระพุทธชินราช ถือได้ว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีความงดงามมากที่สุดในโลก เลิศล้ำด้วยความงดงามทางศิลปกรรม ประชาชนจากทั่วทุกสารทิศในทุกภูมิภาคของประเทศไทย ต่างแห่แหนพากันมากราบไหว้บูชาองค์พระพุทธชินราชอย่างไม่ขาดสาย ทุกวัน ทุกเวลา ยิ่งหากเป็นช่วงเทศกาลสำคัญ หรือ ในเทศกาลงานบุญต่างๆ วัดใหญ่ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธชินราช จะคราคร่ำไปด้วยผู้คนจำนวนมากจากทุกสารทิศ

ความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธชินราช ปรากฏขึ้นตั้งแต่ขั้นตอนการหล่อองค์พระ เล่าขานกันว่าการสร้างพระพุทธชินราชนั้นมีความยากลำบากอย่างยิ่งยวด ต้องพบกับความล้มเหลวในการหล่อองค์พระมากถึง ๓ ครั้ง เพราะทองแล่นไม่ทั่วแบบ ว่ากันว่าองค์พระพุทธชินราชนั้นมีความศักดิ์สิทธิ์มาก ปุถุชนคนธรรมดามิอาจหล่อองค์พระพุทธชินราชด้วยตัวเองได้ ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากเทวดา จำแลงกายเป็นชีปะขาวมาช่วยทำพิธีหล่อ จนสามารถหล่อสร้างองค์พระพุทธชินราชจนสำเร็จ

พระพุทธชินราชเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองอย่างแท้จริง มีบทบาทสำคัญในการออกศึกสงคราม ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๓๑๘ คนไทยจากทั่วทุกหนแห่งนิยมเดินทางไปกราบไหว้บูชาเพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลให้แก่ชีวิต ขอโชคลาภ ขอพรให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากภยันอันตรายต่างๆ ว่ากันว่าความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธชินราชนั้นมีอำนาจเหนือกว่าสิ่งชั่วร้ายทั้งปวง ผู้ใดมีสิ่งไม่ดีติดตัวมา เพียงเดินผ่านซุ้มประตูวัดสู่องค์พระพุทธชินราช สิ่งไม่ดีต่างๆ จะหายออกจากตัวไปโดยพลัน ไม่สามารถตามติดเข้ามาถึงองค์พระได้

หลวงพ่อพระใส พระพุทธรูปประจำภาคอีสาน

หลวงพ่อพระใส พระคู่บ้านคู่เมืองของชาวหนองคาย องค์หลวงพ่อพระใสเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของคนทั้ง ๒ ฝั่งลำน้ำโขง ทั้งคนในชุมชนเมืองปากห้วยหลวง และคนเมืองปากงึม ในประเทศลาว

ตำนานความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อพระใส มีการเล่าขานกันมาช้านาน พระธิดาสามศรีพี่น้องของกษัตริย์แห่งอาณาจักรล้านช้าง ต้องการสืบทอดพระพุทธศาสนาให้คงสืบไปในสมัยนั้น จึงได้ร่วมกันสร้างองค์พระพุทธรูปประจำตัว ได้แก่ พระสุก, พระเสริม และ พระใส การหล่อสร้างพระพุทธรูปทั้ง ๓ องค์ไม่ใช่เรื่องง่าย มีอภินิหารต่างๆ เกิดขึ้นมากมายในขณะหล่อสร้างองค์พระพุทธรูป ดังนั้นเมื่อพระพุทธรูปทั้ง ๓ องค์สร้างจนสำเร็จ พระสุก พระเสริม และพระใส จึงเป็นที่รักและหวงแหนของชาวเมืองล้านช้างเป็นอย่างยิ่ง คราใดที่เกิดเหตุศึกสงคราม ชาวบ้านจะช่วยกันขนย้ายองค์พระไปซ่อนไว้ที่ภูเขาควาย เพื่อความปลอดภัย และอัญเชิญกลับประดิษฐานที่เดิม เมื่อเหตุการณ์กลับมาเป็นปกติ

กระทั่งในสมัยรัชกาลที่ ๓ ได้เกิดเหตุการณ์กบฏเจ้าอนุวงศ์ที่เมืองเวียงจันทน์ สมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงส่งแม่ทัพไปปราบกบฏจนได้รับชัยชนะกลับมา และได้อัญเชิญพระสุก พระเสริม และพระใส ให้มาประดิษฐานอยู่ที่วัดโพธิ์ชัย จังหวัดหนองคาย แต่ในระหว่างเดินทางเกิดพายุโหมกระหน่ำ พระสุกจมลงน้ำอันตรธานหายไป เหลือเพียงแต่พระเสริมและพระใสประดิษฐานอยู่ที่วัดโพธิ์ชัย

ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๔ ทรงโปรดให้พระเสริมและพระใสไปประดิษฐานที่เมืองหลวง กรุงเทพฯ เพื่อความเป็นสิริมงคลของเมือง แต่ขณะกำลังชักลาก ‘พระใส’ ออกจากหน้าวัดโพธิ์ชัย เกวียนที่องค์พระประดิษฐานอยู่ก็เกิดหักโค่นลงมา ครั้งแล้วครั้งเล่า เชื่อกันว่าอำนาจอิทธิฤทธิ์ของเหล่าเทวดา พากันยื้อยุดหลวงพ่อพระใสเอาไว้ ให้ประดิษฐานอยู่ที่วัดโพธิ์ชัย เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของชาวบ้านนานสืบไปจวบจนปัจจุบัน

หลวงพ่อโสธร พระพุทธรูปประจำภาคกลาง

หลวงพ่อโสธร หรือ หลวงพ่อพระพุทธโสธร คือ พุทธปฏิมากรที่เป็นเครื่องยืนยันถึงความศรัทธาอันแรงกล้าของพุทธศาสนิกชน ที่ให้ความสำคัญกับความศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระเหนือกว่าความงดงามทางด้านศิลปกรรม เพราะองค์หลวงพ่อโสธร เป็นเพียงพระพุทธรูปหินทรายที่ใช้ปูนพอกเท่านั้น

หลวงพ่อโสธร เป็นหนึ่งในพระพุทธรูปองค์สำคัญของประเทศไทยที่มีประชาชนกราบไหว้บูชามากที่สุด ตำนานความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อโสธร เล่ากันว่าเกิดจากพระภิกษุสามรูป ซึ่งทั้ง ๓ องค์เป็นพี่น้องกัน ได้ร่ำเรียนพระธรรมวินัยจนแตกฉาน จำแลงกายเป็นพระพุทธรูปลอยตามแม่น้ำลงมาจากทางเหนือ พระพุทธรูปทั้ง ๓ องค์ลอยทวนน้ำ ผุดขึ้น ผุดลง ปรากฏให้ชาวบ้านพบเห็นอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่มีชาวบ้านคนใดสามารถฉุดขึ้นจากแม่น้ำได้ จนกระทั่งพระพุทธรูปองค์แรกคือ ‘หลวงพ่อบ้านแหลม’ ชาวประมงได้พร้อมใจกันอาราธนาขึ้นไปประดิษฐานอยู่ที่วัดเพชรสมุทรวรวิหาร จังหวัดสมุทรสงคราม และอีกองค์หนึ่งคือ ‘หลวงพ่อโต’ ผุดขึ้นจากแม่น้ำที่หน้าวัดบางพลีใหญ่ จังหวัดสมุทรปราการ

องค์สุดท้าย 'หลวงพ่อโสธร' พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำภาคกลาง ในครานั้นที่หลวงพ่อโสธรได้ปรากฏตัวขึ้นเหนือผิวน้ำ พลเมืองจำนวนมากได้มารวมตัวกันอาราธนาองค์พระขึ้นฝั่ง พยายามใช้เชือกผูกองค์พระขึ้นฝั่งอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จ จนมีอาจารย์ผู้ทรงคุณวิเศษที่รู้หลักอาราธนา ทำพิธีปลูกศาลเพียงตา บวงสรวงและกล่าวอันเชิญเทวดาให้มาชุมนุม ใช้สายสิญจน์ผูกคล้องพระหัตถ์ขององค์หลวงพ่อโสธร แล้วค่อยๆ ฉุดขึ้นบนฝั่งจนสำเร็จ สร้างความปีติยินดีให้กับชาวบ้านที่มาชุมนุมอย่างยิ่ง พร้อมใจกันอัญเชิญองค์พระไปประดิษฐานอยู่ที่วัดโสธรวรารามวรวิหารตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

เป็นที่ทราบกันดีในกลุ่มผู้เลื่อมใสศรัทธาในองค์หลวงพ่อโสธร ว่าท่านมักให้โชคลาภทางด้านการงาน การเงิน การค้าขายเจริญรุ่งเรือง แคล้วคลาดปลอดภัยจากสิ่งชั่วร้าย และประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียง

พระพุทธสิหิงค์ พระพุทธรูปประจำภาคใต้

มีคำกล่าวว่านอกเหนือจากพระพุทธชินราชแล้ว พระพุทธรูปโบราณในประเทศไทยที่มีความงดงามเทียบเคียงกับ ‘พระพุทธสิหิงค์’ นั้นหามีไม่ เรื่องราวตำนานของพระพุทธสิหิงค์เป็นที่เลื่องลือกล่าวขาน และมีความน่าสนใจอย่างมาก องค์พระพุทธสิหิงค์สร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๗๐๐ โดยพระมหากษัตริย์กรุงลังกา ๓ พระองค์ ตามตำนานเล่าว่า ต้นแบบการสร้างองค์พระพุทธสิหิงค์นั้น มีพระยานาคแปลงกายมาเป็นแบบให้

ในระหว่างการหล่อสร้างพระพุทธสิหิงค์ หนึ่งในสามกษัตริย์ของกรุงลังกาไม่พอพระทัยช่างหล่อองค์พระคนหนึ่ง จึงได้ลงโทษด้วยการหวดด้วยไม้ จนช่างหล่อได้รับบาดเจ็บที่นิ้ว ครั้นเมื่อองค์พระพุทธสิหิงค์สร้างจนสำเร็จ ปรากฏว่านิ้วขององค์พระพุทธสิหิงค์มีรอยชำรุดอยู่บนนิ้วด้วยเช่นกัน เป็นที่ประจักษ์ว่าผู้หล่อสร้างองค์พระพุทธสิหิงค์นั้นมีบารมีมาก ได้รับอานิสงส์กำลังใจจากองค์พระพุทธสิหิงค์ที่ได้แสดงอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์

พระพุทธสิหิงค์เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาในหมู่ชาวใต้อย่างมาก ผู้ใดที่หมดมานะ ท้อถอยกับการใช้ชีวิต เมื่อได้มาสักการะองค์พระพุทธสิหิงค์ จะได้บำบัดความทุกข์ร้อนในใจให้เหือดหาย ได้รับความเข้มแข็ง กล้าหาญ มีวิริยะ ฟื้นกำลังใจให้ใหม่ และว่ากันว่าผู้ใดที่ทำการทุจริตคิดมิชอบทั้งหลาย จะไม่กล้าเอ่ยคำสาบานใดๆ ต่อหน้าองค์พระพุทธสิหิงค์เลย เมื่อใดก็ตามที่ต้องสาบานตัวในศาลยุติธรรม หากเอ่ยนามถึงพระพุทธสิหิงค์แล้ว จะมิมีใครกล้าเบิกความเท็จเลย

ความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธรูปประจำ ๔ ภาค ทำให้พุทธศาสนิกชนนิยมสร้างพระประธาน สร้างพระพุทธรูปประจำแต่ละภาคถวายให้แก่วัด สร้างบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ สืบสานอายุขัย และเผยแพร่พระพุทธศาสนา ให้คนทุกหมู่เหล่าสามารถเข้าถึงพระพุทธศาสนาได้ทั่วทุกแขนง ให้ได้รับบุญ ได้มากราบไหว้บูชาองค์พระประธานอย่างทั่วถึง แม้ในถิ่นทุรกันดาร ขาดแคลนสิ่งอุปโภคบริโภค ความศรัทธาในพระพุทธศาสนาของคนไทยก็ยังคงแผ่เข้าถึงทั่วทุกหัวระแหง

ผู้สนใจสร้างพระประธาน สร้างพระพุทธรูปถวายให้วัด โรงหล่อพระเสาชิงช้า ร้านรุ่งเรืองพานิช ร้านขายพระพุทธรูปที่มีพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองพร้อมจำหน่ายทุกแบบ ทุกขนาด มีแบบองค์พระให้เลือกเยอะที่สุด ในราคาย่อมเยามากที่สุด สืบสานตามเจตนารมย์อันบริสุทธิ์ของเจ้าของโรงหล่อพระรุ่งเรืองพานิชเสาชิงช้า 'คุณนุช' และ 'คุณแนน' ทายาทผู้ดูแลกิจการโรงหล่อพระที่มีอายุกว่า 70 ปี สะพานบุญที่อยู่ชาวพระนครมาอย่างยาวนาน

ร้านรุ่งเรืองพานิช ยินดีร่วมทำบุญในทุกงานบุญของลูกค้า ลดราคาพระประธาน ลดราคาพระพุทธรูป ให้กับเจ้าภาพทุกท่านด้วยความปีติยินดีอย่างยิ่ง เรายินดีเป็นสะพานบุญ รับสร้างพระประธานให้วัดที่ขาดแคลน หาวัดที่ต้องการพระประธาน คนไทยหัวใจพระพุทธศาสนาท่านใด สนใจทำบุญสามารถเข้ามาปรึกษา 'คุณนุช' และ 'คุณแนน' ได้ทุกเรื่องเกี่ยวกับงานบุญ ร้านรุ่งเรืองพานิช เราขอร่วมอนุโมทนาทุกบุญจากใจ ช่วยสานฝันการทำบุญของคุณให้เกิดขึ้นจริง ในงบที่คุณได้ทำบุญแล้วรู้สึกสบายใจ


อิ่มเอมกับทุกงานบุญที่จริงใจ มาหาเราได้ที่ 'รุ่งเรืองพานิช'


ร้านพระ เสาชิงช้า คลังพระพุทธรูป และเครื่องสังฆภัณฑ์แห่งแรกในเสาชิงช้าโดย รุ่งเรืองพานิช

โทรศัพท์ : 089-245-9949 , 083-550-5936 , 091-445-9495
LINE : https://line.me/ti/p/@rungruangpanich1
Facebook : https://www.facebook.com/rungruangsaochingcha
E-Mail : peerayatam@yahoo.com