เปิดประวัติ ๕ เทพอินเดียที่คนไทยนิยมบูชา เสริมโชคการค้า กิจการเจริญรุ่งเรือง

รวมเทพอินเดีย ความศักดิ์สิทธิ์ที่หนุนดวงชะตาของผู้ศรัทธาได้อย่างรอบด้าน

เปิดประวัติ ๕ เทพอินเดีย

เทพฮินดู หนึ่งในรูปแบบของเทพเจ้าที่คนไทยในยุคนี้ให้ความสนใจอย่างคึกคัก แม้แต่เด็กรุ่นใหม่ก็หันมานับถือบูชาเทพฮินดูอย่างแพร่หลาย จนนำไปสู่กระแส 'มูเตลูเทพ'

ที่จริงแล้วสังคมไทยมีรากเหง้าความเชื่อแบบพุทธ พราหมณ์ และ ผี ผสมผสานกันมาตั้งแต่สมัยโบราณกาล เราจึงคุ้นหูกับพระนามและเทพในศาสนาพราหมณ์-ฮินดูอยู่หลายองค์ด้วยกัน เช่น พระพิฆเนศ พระศิวะ พระนารายณ์ พระพรหม และ พระอินทร์ เป็นต้น

การเคารพบูชาเทพอินเดีย กลมกลืนเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตคนไทยอย่างลงตัว ต่อไปนี้คือ ประวัติของ ๕ เทพฮินดูที่คนไทยนิยมกราบไหว้บูชา ช่วยหนุนดวงชะตาของผู้ศรัทธา ให้เจอแต่สิ่งดีงามอย่างรอบด้าน ทั้งเรื่องความสุข ทรัพย์สิน เงินทอง การงาน และ ความรัก

 

พระพิฆเนศ

พระคเณศ หรือ พระพิฆเนศ เป็นโอรสของพระศิวะ กับพระแม่ปารวตี หรือ พระศรีมหาอุมาเทวี ทรงพระเศียรเป็นคชสาร (ช้าง) มีวรกายเป็นมนุษย์ ต้นกำเนิดของพระพิฆเนศนั้น แตกต่างกันไปในหลายคัมภีร์ หนึ่งในคัมภีร์ที่มีการกล่าวขานมากที่สุด เชื่อว่าพระพิฆเนศถือกำเนิดขึ้นจากแรงศรัทธาของพระแม่ปารวตี พระแม่ได้เสกพระโอรสขึ้นจากขี้เถ้าผสมน้ำ หรือบ้างก็ว่าเกิดจากขี้ไคลของพระแม่ปารวตี เพื่อให้พระโอรสคอยรับใช้พระองค์ในขณะที่ต้องอยู่พระตำหนักเพียงลำพัง

ครั้งหนึ่ง พระแม่ปารวตีต้องการสรงน้ำ จึงรับสั่งพระพิฆเนศ ห้ามใครเข้ามาในพระตำหนัก แต่เวลาเดียวกันนั้นเอง พระศิวะได้เสด็จกลับจากการบำเพ็ญสมาธิ ถูกพระพิฆเนศขวางทางไม่ให้เข้าพระตำหนัก เทพทั้งสองจึงต่อสู้กัน ลุกลามเป็นเรื่องราวใหญ่โต จนทั้งสวรรค์อยู่ในความหวาดวิตก
พระพิฆเนศถูกตรีศูลของพระศิวะตัดพระเศียรจนสิ้นใจ นำความโศกเศร้ามาถึงพระแม่ปารวตีทันที เมื่อพระศิวะทราบเรื่อง จึงฟื้นคืนชีพพระโอรส และนำศีรษะของช้างมาต่อเศียรคืนให้พระพิฆเนศ ด้วยเหตุนี้ พระพิฆเนศจึงมีเศียรเป็นคชสาร

พระพิฆเนศได้รับพรจากพระศิวะให้เป็นปฐมเทพ จากความเฉลียวฉลาดและสติปัญญาอันล้ำเลิศของพระโอรส พระพิฆเนศทรงเป็นเทพเจ้าแห่งความสำเร็จ สามารถปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย และขจัดปัญหาอุปสรรคทั้งปวงได้ ครั้งหนึ่ง แม้แต่พระอินทร์ยังต้องสวดคาถาบูชาพระพิฆเนศ เพื่อทำพิธีกรรมสรงน้ำให้พระขันธกุมารให้ลุล่วงผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

แม้พระพิฆเนศจะมิได้เป็นเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในจักรวาล แต่ทรงเป็นปฐมเทพที่จะต้องได้รับการกราบไหว้บูชาก่อนเริ่มพิธีกรรมทางศาสนา และจะต้องสักการะบูชาองค์พระพิฆเนศก่อนทวยเทพองค์อื่นๆ เสมอ เพื่อนำมาซึ่งความสำเร็จของพิธีเหล่านั้น
ผู้ใดบูชาพระพิฆเนศด้วยความเชื่อและหัวใจที่บริสุทธิ์ องค์พระพิฆเนศจะบันดาลทุกความสำเร็จ รับพรสมหวังดังปรารถนาทุกประการ

 

พระศิวะ

พระศิวะ คนไทยเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า พระอิศวร เป็นหนึ่งในตรีมูรติ ซึ่งเป็น ๓ มหาเทพสูงสุดแห่งศาสนาพราหมณ์-ฮินดู การกำเนิดของพระศิวะปรากฏแตกต่างกันออกไปในแต่ละยุค ซึ่งล้วนแต่มีต้นกำเนิดมาจาก 'พระพรหม' พระศิวะเป็นมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ในจักรวาล ได้รับการขนานนามให้เป็นเทพเจ้าแห่งการทำลายล้าง และ การเกิดใหม่
รูปลักษณ์เด่นของพระศิวะ คือ มีพระจันทร์เสี้ยวอยู่บนพระเกศ มีตรีเนตร (ดวงตาที่สาม) ศาสตราวุธของพระศิวะ ได้แก่

  • ตรีศูล แสดงถึงอำนาจ และการสร้างสรร
  • กลองดามารุ สื่อถึงเสียงต้นกำเนิดของจักรวาล
  • งูเลื้อยพาดพระศอ มีความหมายถึง พลังชีวิต

พระศิวะทรงดื่มยาพิษจากนาควาสุกรี ซึ่งเป็นยาพิษที่มีอานุภาพทำลายล้างโลกได้ โดยพระองค์ทรงกลืนกินยาพิษทั้งหมด เพื่อปกป้องโลก และกักเก็บพิษเอาไว้ที่คอ จนทำให้พระองค์มีพระศอเป็นสีดำตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
พระศิวะทรงมีมหากรุณายิ่งกว่าเทพทั้งหลาย ผู้ศรัทธาบูชาองค์พระศิวะ หากเกิดโรคภัยไข้เจ็บ หรือสุมด้วยความทุกข์ องค์พระศิวะจะช่วยปัดเป่าโรคภัย กำจัดสิ่งชั่วร้าย ตามความหมายของชื่อ 'พระศิวะ' ผู้เปี่ยมด้วยความกรุณาในการชุบชีวิตต่างๆ ให้เกิดความบริสุทธิ์ นอกจากนี้คนทำมาหากินเป็นเกษตรกร หรือปศุสัตว์ ก็ยังสามารถขอพรด้านความอุดมสมบูรณ์ในการเกษตรกับองค์พระศิวะได้ด้วย

 

พระนารายณ์

พระนารายณ์ หรือชื่อแรกเมื่อประสูติคือ พระวิษณุ เป็นหนึ่งใน ๓ มหาเทพสูงสุดแห่งศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ร่วมกันกับพระพรหม และ พระศิวะ พระนารายณ์ทรงเป็นปรมาตมันสูงสุดในลัทธิไวษณพนิกาย พระองค์ทรงเป็นเทพผู้มีอำนาจในการปกป้อง และคุ้มครองโลก จะอวตารลงมาปราบความทุกข์เข็ญของมนุษย์ ในยามที่โลกประสบความเดือดร้อน

พระนารายณ์มีพระชายา คือ พระแม่ลักษมี ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเทพอินเดียที่มีผู้กราบไหว้บูชาด้วยความเคารพศรัทธาอย่างแพร่หลาย พระนารายณ์มีรูปลักษณ์สง่างาม ทรง ๔ กร มีพญาครุฑ หรือพญานาค เป็นพาหนะส่วนตัว ทรงถือศาสตราวุธหลากหลาย แต่จะทรงถือหอยสังข์, จักร, คฑา, พระขันธ์, ลูกศร, ธนู และ ดอกบัว บ่อยที่สุด พระนารายณ์มีร่างอวตารทั้งหมดสิบร่าง ซึ่งตามคติความเชื่อโบราณของหลายๆ ประเทศในแถบเอเชียเชื่อว่า พระมหากษัตริย์คือร่างหนึ่งของพระนารายณ์

พระนารายณ์ ถือกำเนิดขึ้นก่อนสรรพสิ่งจะถูกสร้าง ทรงล่วงรู้ความเป็นไปทั้งหมด สามารถดลบันดาลอำนาจวาสนา จึงเป็นผู้ดูแลทุกสรรพสิ่ง และเป็นผู้ประทานแสงสว่างไปยังโลก ผู้กราบไหว้บูชาและระลึกถึงพระนารายณ์ ชีวิตจะพบเจอแต่ความราบรื่น ทำกิจการสิ่งใดก็ไร้อุปสรรค ได้รับการปกป้องคุ้มภัยอันตรายอย่างรอบด้าน

 

พระพรหม

พระพรหม เป็นพระอาตมภู ผู้ให้กำเนิดสรรพสิ่งทั้งปวงในโลก หนึ่งในมหาเทพสูงสุด เราอาจคุ้นเคยกันดีว่าพระพรหมมี ๔ พักตร์ แต่เดิมทีแล้ว พระพรหมมีถึง ๕ พระพักตร์ เกิดขึ้นเมื่อพระพรหมให้กำเนิดสตรีงามนามว่า ศตรูป พระองค์ทรงหลงใหลในความงามของนางมาก จึงมองตามการเคลื่อนไหวของนาง บังเกิดเป็นพระพักตร์ครบสี่ทิศ และเมื่อนางศตรูปเคลื่อนไปเบื้องบน พระพรหมจึงมีพระพักตร์อยู่ด้านบนพระเศียรด้วย
มีคัมภีร์หลายสูตรกล่าวถึงการหายไปของพระพักตร์ที่ ๕ ของพระพรหม หนึ่งในนั้นคือการถูกทำลายล้างโดยพระศิวะ เมื่อครั้นพระพรหมปรามาสพระศิวะ พระศิวะจึงใช้ดวงตาที่ ๓ เผาไหม้พระพักตร์ที่ ๕ ของพระพรหมจนหายไป พระพรหมมี ๘ กร ทรงจักร, คัมภีร์, คนโฑ, หอยสังข์, คฑา, บ่วง, ลูกประคำ และ ดอกบัว เมื่อขอพรครบทุกพระพักตร์ จะช่วยหนุนดวงชะตาอย่างรอบด้าน

พระพรหม ทรงรับฟังคำอธิษฐานของผู้ศรัทธาเสมอ ทรงเป็นเทพผู้มีคุณธรรม มีทั้งเมตตา มุทิตา อุเบกขา ทรงพลังในการควบคุมทุกอย่างให้เป็นไปตามกฎแห่งกรรม ผู้บูชาพระพรหมด้วยจิตใจอันบริสุทธิ์ จะสมหวังในพรทุกข้อที่ขอ ทั้งเรื่องการงาน สุขภาพ โชคลาภ เงินทอง และ คู่ครอง หากยิ่งกระทำความดี พระพรหมจะบันดาลให้ชีวิตพบเจอแต่ความสุข

 

พระอินทร์

พระอินทร์ หรือ ท้าวอัมรินทราธิราช ถูกกล่าวขานให้เป็นราชาแห่งทวยเทพ หรือผู้เป็นประมุขแห่งเทวดาทั้งปวง ทรงเป็นมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่เหนือชีวิตของมนุษย์ และสรรพสัตว์ทั้งหลาย แต่โบราณกาล พระอินทร์คือเทวดาสำคัญสูงสุดในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู มีฤทธิ์บันดาลสิ่งต่างๆ ให้เกิดขึ้นบนโลก ในพระสูตรของศาสนาพุทธก็มีปรากฏเรื่องราวของพระอินทร์ด้วยเช่นกัน

พระอินทร์มีหนึ่งหน้า สี่พระกร แต่ปฏิมากรรมที่ปรากฏในมักมีเพียงสองกร พระวรกายแปรเปลี่ยนจากสีแดง และสีขาวนวล มาเป็นสีเขียวทั้งหมด ตามพละกำลังที่แข็งแกร่งขึ้นของพระองค์ ศาสตราวุธประจำกายของพระอินทร์มีมากมาย มักเห็นพระอินทร์ทรงวัชระ (สายฟ้า), พระขรรค์, ศักรธนู, บ่วง, จักร, หอยสังข์, ตะขอ, แหตาข่าย ฯลฯ ทรงเครื่องเพชรนิลจินดามากมาย โดยมีพาหนะคือ ช้างเอราวัณ พระอินทร์ทรงเป็นเทพที่มีความสง่างามอย่างมาก ถึงขนาดทำให้aพระรามหยุดนิ่ง เพราะตะลึงในความสง่างามของพระองค์

พระอินทร์ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้พิทักษ์คุณงามความดี คอยปกป้องดูแลโลกให้พ้นจากภยันอันตราย คุ้มครองผู้กระทำความดี ผู้บูชาพระอินทร์จะมีชีวิตที่อุดมสมบูรณ์ ได้รับการประทานพร นำพาความสุข ความสำเร็จสมปรารถนามาสู่ผู้ศรัทธาอย่างแท้จริง



โรงหล่อพระ รุ่งเรืองพานิช แหล่งรวมเทพเจ้าอินเดียแบบครบวงจร บูชาพระพรหม พระนารายณ์ พระแม่อุมาเทวี และ พระพิฆเนศ ราคาย่อมเยาที่สุด ชำนาญด้านการหล่อพระ สร้างพระ ด้วยประสบการณ์ของช่างหล่อพระฝีมือดี สืบทอดจากรุ่นต่อรุ่นยาวนานกว่า ๗๐ ปี ให้คุณบูชาองค์เทพอินเดียที่เปี่ยมด้วยพลังแห่งความศักดิ์สิทธิ์ มีสัดส่วนตามตำราโบราณ สะท้อนถึงมนตร์ขลังผ่านความงดงามที่สมบูรณ์แบบ เสริมพลังแห่งศรัทธาได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

บูชาเทพเจ้าอินเดียแบบครบวงจร ต้องร้านรุ่งเรืองพานิช มีองค์เทพให้เลือกหลากหลายขนาด ทั้งองค์เล็กสำหรับตั้งบูชาในบ้าน และ องค์เทพอินเดียขนาดใหญ่ สำหรับสร้างถวายในศาสนสถาน ร้านรุ่งเรืองพานิช สร้างพระทุกองค์ด้วยหัวใจแห่งศรัทธา มอบผลงานสุดประณีต วิจิตรงดงาม ลูกค้ากำหนดรูปแบบและสั่งทำพิเศษได้อย่างหลากหลาย พร้อมเลือกวัสดุและสีสันตามความศรัทธา การันตีว่าองค์เทพอินเดียจากร้านรุ่งเรืองพานิช สวยงามเด่นตระการตาไม่เหมือนใคร

ร้านรุ่งเรืองพานิช ศูนย์รวมเทพเจ้าอินเดีย พระพรหม พระนารายณ์ พระแม่อุมาเทวี และพระพิฆเนศ ราคากันเอง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการบูชาเทพเจ้าอินเดียแบบครบวงจร กับเจ้าของร้านได้เลยโดยตรง คุณนุช (089-245-9949) และ คุณแนน (083-550-5936) ยินดีให้บริการลูกค้าทุกท่านด้วยตัวเอง

หรือพิสูจน์ความงดงามของเทพเจ้าอินเดียองค์จริงได้ที่ ร้านรุ่งเรืองพานิช โรงหล่อพระเสาชิงช้า ถนนบำรุงเมือง มีบริการที่จอดรถมากกว่า 30 คัน คุณนุช และ คุณแนน ยินดีต้อนรับและให้บริการลูกค้าทุกท่านด้วยความจริงใจ

 

มาที่ร้านรุ่งเรืองพานิชที่เดียว ได้ครบจบทุกเรื่องงานบุญ 

 

โรงหล่อพระเสาชิงช้า คลังพระพุทธรูป และเครื่องสังฆภัณฑ์แห่งแรกในเสาชิงช้าโดย รุ่งเรืองพานิช

โทรศัพท์ : 089-245-9949 , 083-550-5936 , 091-445-9495
LINE : https://line.me/ti/p/@rungruangpanich1
Facebook : https://www.facebook.com/rungruangsaochingcha
E-Mail : peerayatam@yahoo.com